02 ธันวาคม 2551

ปิดรับข้อมูลแล้วนะคะเพื่อนๆ

หมดเขตรับข้อมูลทางอินเตอร์เนตแล้วนะคะ

ตอนนี้ขอให้เพื่อนๆ ไปหาข้อมูลทางหนังสือบ้างนะคะ

หมดเขตวันเสาร์ ก่อนเที่ยงนะคะ

ส่งข้อมูลที่ฟร้อนนะคะ

30 พฤศจิกายน 2551

สำรวมจากการดื่มน้ำเมาหมายถึงอะไร น้ำเมา โดยทั่วไปหมายถึงเหล้า แต่ในที่นี้หมายถึง ของมึนเมาให้โทษทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือแห้ง รวมทั่งสิ่งเสพย์ติดทุกชนิด ดื่ม ในที่นี้หมายถึงการทำให้ซึมซาบเข้าไปในร่างกาย ไม่ว่าจะโดยวิธี ดื่ม ดม อัด นัตถุ์ สูบ ฉีด ก็ตาม สำรวม หมายถึง ระมัดระวังในนัยหนึ่ง และเว้นขาดในอีกนัยหนึ่ง
เหตุที่ใช้คำว่าสำรวม พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาประเภทมีเหตุผล บางศาสนาเห็นโทษของเหล้า เห็นโทษของแอลกอฮอล์ เพราะฉะนั้นนอกจากห้ามดื่มแล้วเอามาทาแผลก็ไม่ได้ คนตายแล้วเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดล้างศพก็ไม่ได้เพราะเป็นของบาป แต่ในพระพุทธศาสนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามเหมารวมหมดอย่างนั้น เพราะ ทรงมองเห็นว่าเหล้าหรือสิ่งเสพย์ติดแม้จะมีโทษมหันต์ แต่ในบางกรณีก็อาจนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ เช่น ใช้ฉีดระงับความเจ็บปวด หรือยาบางอย่างต้องอาศัยเหล้าสกัดเอาตัวยาออกมาเพื่อใช้รักษาโรค คือเอาเหล้าเพียงเล็กน้อยมาเป็นกระสายยา ไม่มีรสไม่มีกลิ่นเหล้าคงอยู่ อย่างนี้ในพระพุทธศาสนาไม่ได้ห้าม แต่บางคนที่อยากจะดื่มเหล้าแล้วหาข้ออ้างนำเหล้ามาทั้งขวด เอายาใส่ไปนิดหน่อยอย่างนั้นเป็นการเอายามากระสายเหล้า ใช้ไม่ได้ โดยสรุปสำรวมจากการดื่มน้ำเมา จึงหมายถึง การระมัดระวังเมื่อใช้สิ่งเสพย์ติดทั้งหลายในการรักษาโรค และเว้นขาดจากการเสพสิ่งเสพย์ติดให้โทษทุกชนิดไม่ว่าโดยวิธีใดก็ตาม
โทษของการดื่มน้ำเมา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรุปโทษของการดื่มสุราไว้ ๖ ประการคือ ๑.ทำให้เสียทรัพย์ เพราะไหนจะต้องซื้อเหล้ามาดื่มเอง ไหนจะต้องเลี้ยงเพื่อน งานการก็ไม่ได้ทำ ดังนั้น แม้เป็นมหาเศรษฐี ถ้าติดเหล้า ก็อาจจะล่มจมได้ ๒.ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท เพราะกินเหล้าแล้วขาดสติไม่สามารถควบคุมตนเองได้ จะเห็นได้ว่าในวงเหล้ามักจะมีเรื่องชกต่อย ตีรันฟันแทงอยู่เสมอ เพื่อนรักกัน พอเหล้าเข้าปากประเดี๋ยวเดียวก็ฆ่ากันเสียแล้ว ๓.ทำให้เกิดโรคหลายอย่าง ทั้งโรคตับแข็ง โรคกระเพาะ โรคหัวใจ โรคเส้นโลหิตในสมองแตก โรคทางระบบประสาท ฯลฯ ๔.ทำให้เสียชื่อเสียง เพราะไปทำสิ่งที่ไม่ดีเข้า ใครรู้ว่าเป็นคนขี้เมาก็จะดูถูกเหยียดหยาม ไม่มีใครไว้วางใจ ๕.ทำให้แสดงอุจาดขาดความละอาย พอเมาแล้วอะไรที่ไม่กล้าทำก็ทำได้ จะนอนอยู่กลางถนน จะเอะอะโวยวาย จะถอดเสื้อผ้าในที่สาธารณะทำได้ทั้งนั้น ๖.ทำให้สติปัญญาเสื่อมถอย พอเมาแล้ว จะคิดอะไรก็คิดไม่ออก อ่านหนังสือก็ไม่ถูก พูดจาวกวน พอดื่มหนักๆ เข้าอีกหน่อยก็กลายเป็นคนหลงลืม ปัญญาเสื่อม “เหล้าจึงผลาญทุกสิ่งทุกอย่าง ผลาญทรัพย์ ผลาญไมตรี ผลาญสุขภาพ ผลาญเกียรติยศ ผลาญศักดิ์ศรี ผลาญสติปัญญา” การดื่มเหล้านั้น ทำให้เกิดความสุขได้บ้างสำหรับคนที่ติด แต่เป็นความสุขหลอกๆ บนความทุกข์ เหล้าทำให้เพลินเพลิน แต่เป็นการเพลิดเพลินในเรื่องเศร้า การดื่มน้ำเมามอมตัวเองวันแล้ววันเล่า จึงเป็นการบั่นทอนทุกสิ่งทุกอย่างของตนเองแม้ที่สุดความสุขทางใจ ที่คนเมาเห็นว่าตนได้จากการเสพสิ่งเสพย์ติดนั้น ก็เป็นความสุขจอมปลอม
โทษข้ามภพข้ามชาติของการดื่มสุรา เหล้าไม่ได้มีโทษเฉพาะชาตินี้เท่านั้น แต่ยังมีโทษติดตัวผู้ดื่มไปข้ามภพข้ามชาติมากมายหลายประการ ตัวอย่างเช่น ๑.ทำให้เกิดเป็นคนใบ้ พวกนี้ตายในขณะเมาเหล้า คนที่เมาเหล้ากำลังได้ที่ ลิ้นจุกปากกันทั้งนั้น พูดไม่รู้เรื่อง ได้แต่ส่งเสียง “แบะๆ” พอตายแล้วก็ตกนรก จากนั้นกลับมาเกิดใหม่ กรรมยังติดตามมา เลยเป็นใบ้ ๒.ทำให้เกิดเป็นคนบ้า พวกนี้ภพในอดีตดื่มเหล้ามามาก เวลาเมาก็มีประสาทหลอน เวรนั้นติดตัวมา ในภพชาตินี้เกิดมาก็เป็นบ้า อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงคนมากระซิบบ้างเห็นภาพหลอนว่าคนนั้นคนนี้จะมาฆ่าบ้าง ๓.ทำให้เกิดเป็นคนปัญญาอ่อน พวกที่ดื่มเหล้าจัดๆ ตอนเมาก็คิดอะไรไม่ออกอยู่แล้ว ด้วยเวรสุรานี้ก็ส่งผลให้เกิดเป็นคนปัญญาอ่อน ๔.ทำให้เกิดเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ไม่ว่าจะเป็นตะกวด งู เหี้ย มาจากพวกขี้เมาทั้งนั้น พวกนี้ซ้อมคลานมาตั้งแต่ตอนเป็นคนพอตายเข้าได้คลานสมใจนึก
วิธีเลิกเหล้าให้ได้เด็ดขาด ๑.ตรองให้เห็นโทษ ว่าสุรามีโทษมหันต์ดังได้กล่าวมาแล้ว ๒.ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเลิกโดยเด็ดขาด ให้สัจจะกับผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ หรือกับพระ ๓.สิ่งใดที่จะเป็นสื่อให้คิดถึงเหล้า เช่น ภาพโฆษณา เหล้วตัวอย่างขนไปทิ้งให้หมด ถือเป็นของเสนียด นำอัปรีย์จัญไรมาให้บ้าน ๔.นึกถึงศักดิ์ศรีตัวเองให้มากว่า เราเป็นชาวพุทธ เป็นลูกพระพุทธเจ้า เป็นศิษย์มีครู เป็นคนมีเกียรติยศ เป็นทายาทมีตระกูล นึกถึงศักดิ์ศรีตัวเองอย่างนี้แล้วจะได้เลิกเหล้าได้ ๕.เพื่อนขี้เหล้าขี้ยาทั้งหลาย เลิกคบให้หมด ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาก็มาชวนเราไปดื่มเหล้าอีก ข้อนี้สำคัญที่สุด ตราบใดยังเลิกคบเพื่อนขี้เหล้าไม่ได้ จะไม่มีทางเลิกเหล้าได้เลย
อานิสงส์การสำรวมจากการดื่มน้ำเมา ๑.ทำให้เป็นคนมีสติดี ๒.ทำให้ไม่ลุ่มหลง ไม่มัวเมา ๓.ทำให้ไม่มีความรำคาญ ไม่มีใครริษยา ๔.ทำให้รู้กิจการทั้งในอดีต ปัจจุบัน อนาคตได้รวดเร็ว ๕.ทำให้ไม่เป็นบ้า ไม่เป็นใบ้ ไม่เป็นคนปัญญาอ่อน ๖.ทำให้มีแต่ความสุข มีแต่คนนับถือยำเกรง ๗.ทำให้มีชื่อเสียง เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป ๘.ทำให้มีความกตัญญูกตเวที ๙.ทำให้ไม่พูดโกหก ไม่พูดส่อเสียด ๑๐.ทำให้ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ๑๑.ทำให้มีหิริโอตตัปปะ ๑๒.ทำให้มีความเห็นถูก มีปัญญามาก ๑๓.ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย

ที่มาhttp://www1.freehostingguru.com/thaigenx/mongkhol/mk20.htm

ผู้ทำ สุวรรณี วารินกุด
1. สุรา ไม่ใช่สินค้าธรรมดา
สุราไม่ใช่สินค้าธรรมดาเหมือนสินค้าอื่น ๆ ทั่วไป เนื่องจากสุราเป็นสินค้าที่มีโทษมาก ตั้งแต่ความเป็นสารพิษทำลายอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายมากมาย ความสามารถก่อให้เกิดอาการเมา ซึ่งทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุตามมาอีกมากมาย ตลอดจนความสามารถก่อให้เกิดการเสพติดทำให้ต้องดื่มต่อเนื่องเลิกได้ยาก ยิ่งทำให้ปัญหาต่าง ๆ เรื้อรังยากจะเยียวยา
a. โทษของแอลกอฮอล์มีมากมาย ได้แก่
i) ความเป็นพิษ (Toxicity)
1. กรณีของการดื่มแบบเมาหัวราน้ำ ( ดื่มมากในเวลาสั้น ) สามารถทำให้เกิดตับอ่อนอักเสบ หัวใจเต้นผิดปกติ บางครั้งทำให้เกิดความตาย
2. ในกรณีที่ผู้ที่ดื่มหนักอยู่แล้ว มาดื่มแบบหัวราน้ำ อาจทำให้ตับที่เสียบางส่วนกลายเป็นตับวายได้
3. กรณีดื่มหนักต่อเนื่อง สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็ง เช่นมะเร็งเต้านม มะเร็งปาก มะเร็งช่องคอ มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลอดอาหาร และโรคตับแข็ง
4. ความเป็นพิษอื่น ๆ ได้แก่ อาจทำให้เกิดความผิดปกติหลาย ๆ ชนิด เช่น ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ , หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ , ตับอักเสบเฉียบพลัน , ความดันโลหิตสูง ซึ่งเสี่ยงต่อปัญหาเลือดไปเลี้ยงสมอง , กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง , เส้นประสาทส่วนปลายอักเสบ , สมองถูกทำลายแบบเฉียบพลัน เป็นต้น ; ความเป็นพิษต่อกรณีแม่ที่ดื่ม เกิดผลกลุ่มอาการผลกระทบจากแอลกอฮอล์ในเด็กทารก (Fetal Alcohol Syndrome) ซึ่งมีอาการหลายอย่าง เช่น พิการทางหู เติบโตช้า โรคหัวใจ และมีความผิดปกติของใบหน้า
ii) ผลกระทบจากการเมา (Intoxication)
ผลกระทบจากการเมาเพิ่งถูกตระหนักว่า สำคัญหลังจากมีหลักฐานมากมายซึ่งอยู่ในช่วงทศวรรษที่ 1970s หลังจากที่แต่ก่อนตระหนักเพียงว่า ปัญหาของสุราเกิดกับผู้ที่ติดสุราเท่านั้น
ผลกระทบจากการเมามีหลายประการ ได้แก่
1. ความผิดปกติของการทำงานของจิตกับกาย (Psychomotor impairment) เช่น การทรงตัว การเคลื่อนไหว เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้
2. เวลาของปฏิกิริยาการตอบสนองยาวขึ้น เป็นตัวอย่างของการเกิดอุบัติเหตุที่ชัดเจนมาก
3. การตัดสินใจไม่ดี ทำให้กล้าตัดสินใจ ขับรถแบบผาดโผน เสี่ยงอันตราย
4. ทำให้อารมณ์เปลี่ยน และลดความรับผิดชอบต่อสังคม ทำให้เกิดโอกาสของการทะเลาะวิวาทได้มากขึ้น
iii) ภาวะติดสุรา (Dependence)
ภาวะติดสุราทำให้เกิดวงจร “ ดื่มมากทำให้ติด ติดแล้วทำให้ดื่มมาก เป็นวงจรไม่สิ้นสุด ซึ่งยิ่งดื่มมากผลกระทบก็จะมาก ทั้งจากโรคต่าง ๆ ทั้งกายและจิต และผลจากการเมา
b) โทษของแอลกอฮอล์เหล่านี้ส่งผลกระทบหลายประการ ได้แก่ การทะเลาะวิวาท , ความรุนแรงในครอบครัว , ความรุนแรงนอกครอบครัว , อาชญากรรม , ปัญหาสุขภาพ ทั้งกายและจิตประสาท , อุบัติเหตุ
ที่มาhttp://www.kalyanamitra.org/daily/dhamma/index.php?option=com_content&task=view&id=79&Itemid=99999999

ผู้ทำ สุวรรณี วารินกุด
โทษของแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์นั้น นักเคมีเรียก ethyl alcohol หรือ ethanol (CH3CH2OH) แอลกอฮอล์ธรรมชาติเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลงเหลือจากการหมัก มนุษย์เรารู้จักแอลกอฮอล์มานานนับพันปีแล้ว ในรูปแบบของเหล้าองุ่น เบียร์ และนํ้าผึ้ง ในสมัยคริสต์ศตวรรษ ที่ 16 นักกายวิภาคศาสตร์ชื่อ Vesalius ได้ตรวจพบว่า คนที่ดื่มแอลกอฮอล์มากมักจะเป็นโรคร้ายนานาชนิดที่สําคัญๆ ได้แก่ โรคตับวาย เป็นต้นคนติด สรุายาเมามักจะเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายมะเร็งกระเพาะ ตับแข็งและเส้นเลือดในสมองแตก คนขับรถที่เมามักจะขาดพลังควบคุมสติสัมปชัญญะ ทําให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หญิงมีครรภ์ที่ดื่มแอลกอฮอล์จะแท้งลูกในท้อง หรือหากไม่แท้งทารกที่คลอดออกมาจะมีร่างกายและสติปัญญาที่บกพร่อง ภัยอันตรายทั้งหลายเหล่านี้ทําให้แพทย์สรุปได้ว่า แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสําคัญอันดับสองรองจากบุหรี่ที่ทําให้คนเราเสียชีวิตก่อนถึงเวลาอันควรงานวิจัยของ Pakhen Erg แห่ง Neurological Research Laboratory ที่เดนมาร์ก ฉบับที่ตีพิมพ์ในวารสาร Lancet ประจําเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2538 ได้ชี้ให้เห็นว่า แอลกอฮอล์มิได้ฆ่าหรือทําลายเซลล์ประสาทในสมองแต่อย่างใด มันเพียงแต่ทําให้เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทเหล่านั้นเสื่อมสมรรถภาพเท่านั้นเอง เขาพบว่า จํานวนเซลล์เนื้อเยื่อในสมองของคนติดเหล้าจะน้อยกว่าจํานวนเซลล์เนื้อเยื่อในสมองของคนไม่กินเหล้า 11%และในสมองส่วนที่ทําหน้าที่จํานั้น จํานวนเซลล์เนื้อเยื่อสมองของคนติดเหล้าน้อยกว่าของคนที่ไม่ติดเหล้า 80%
กลไกการออกฤทธิ์ต่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายการออกฤทธิ์ของสุรา คนส่วนมากมักเข้าใจผิดว่าสุรานั้นจะออกฤทธิ์ต่อร่างกายเมื่อถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดเท่านั้น แท้ที่จริงแล้วมันออกฤทธ์ทำลายตั้งแต่อวัยวะแรกที่สำผัสจนตลอดตามเส้นทางเดินของสุราที่ผ่านเข้ามาในร่างกาย ซึ่งสามารถอธิบายตามลำดับขั้นตอนได้ดังต่อไปนี้1.ปากและลำคอ เมื่อสุราเข้าปากและลำคอจะไปออกฤทธิ์ต่อผิวอวัยวะภายในช่องปากทำให้เกิดการระคายเคืองชิ้นเยื่อบุที่ละเอียดอ่อนในปากและหลอดอาหาร มักมีอาการร้อนซู่เมื่อผ่านลงไป2.กระเพาะอาหารและลำไส้ สุราเมื่อผ่านลงสู่กระเพาะจะมีผลกับผนังชั้นนอกสุดที่เป็นชั้นที่จะปกป้องกระเพาะอาหาร จะทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก ถ้าอาการเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันเกิดอาการอักเสบของเยื่อบุชั้นในสุดของผนังหรือกระเพาะอาหารหรืออาจทะลุลำไส้เล็กได้ นอกจากนั้นสุรายังเป็นอุปสรรคกับการดูดซึมอาหารบางชนิด เช่น วิตามินB1, กรดโฟลิก ,ไขมัน วิตามินบี6,วิตามินบี 12 และกรดอะมิโนต่าง ๆ3.กระแสเลือด ร้อยละ95 ของสุราที่เข้าสู่ในร่างกาย จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด โดยผ่านเยื่อบุในกระเพาะอาหาร และลำไส้ส่วนดูโอดีนั่มอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงกระแสเลือดจะเข้าไปในเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆในร่างกายอย่างรวดเร็ว แอลกอฮอล์ทำให้เซลล์ของเลือดเกาะเป็นก้อนเหนียว การไหลเวียนจึงช้าลง และปริมาณออกซิเจนลดต่ำลงด้วย สุราทำให้โลหิตจาง โดยจะไปลดการสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้ความเม็ดเลือดขาวทำลายแบคทีเรียช้าลง และทำให้การแข็งตัวของเกล็ดเลือดช้าลงด้วย4. ตับอ่อน แอลกอฮอล์จะทำให้เซลล์ของตับอ่อนระคายเคือง และบวมขึ้น สุราทำให้การไหลของน้ำย่อยไม่สามารถที่จะเข้าไปในลำไส้เล็กได้ ทำให้น้ำย่อยย่อยตัวตับอ่อนเอง ทำให้เกิดเลือดออกอย่างเฉียบพลันและการอักเสบของตับอ่อน พบว่า 1ใน5 จะเสียชีวิตไปในครั้งแรก เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับตับอ่อน การสร้างอินซูลินขาดหายไป และทำให้เป็นเบาหวานในที่สุด5. ตับ แอลกอฮอล์มีอิทธิพลต่อเซลล์ของตับ ทำให้เกิดการบวม ทำให้น้ำดีซึมผ่านไปทั่วตับ เป็นเหตุให้ตัวเหลือง รวมทั้งส่วนขอบตาและผิวหนังเป็นสีเหลืองด้วย ทุกครั้งที่ดื่มสุรานั้น เซลล์ของตับจะถูกทำลายเป็นผลให้ตับแข็ง การเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับมีถึง 8 เท่า เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่มสุรา6. หัวใจ แอลกอฮอล์ทำให้กล้ามเนื้อของหัวใจบวม ทำให้เกิดเป็นพิษกับหัวใจมีการสะสมของไขมันมากขึ้น และทำให้การเผาผลาญช้าลงไปด้วย7. กระเพาะปัสสาวะและไต แอลกอฮอล์ทำให้เยื่อบุของกระเพาะปัสสาวะบวม ทำให้ไม่สามารถยืดได้ตามปกติ การระคายเคืองของไตทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น8. ต่อมเพศ ต่อมอัณฑะจะบวม ทำให้ความสามารถทางเพศลดลง9. สมอง เป็นอวัยวะที่ไวต่อฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ซึ่งเห็นได้ชัดเจน ก่อให้เกิดพิษแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง9.1 พิษแบบเฉียบพลัน ได้แก่ Alcoholic intoxication แบ่งออกเป็นพิษในระดับมากน้อยแตกต่างกันไป ตามระดับของแอลกอฮอล์ในเลือดดังนี้ระดับแอลกอฮอล์ (มิลลิกรัม/100มิลลิลิตร)30 mg% - ทำให้เกิดการสนุกสนานร่าเริง50 mg% - เสียการควบคุมการเคลื่อนไหว100 mg% - แสดงอาการเมาให้เห็น เดินไม่ตรงทาง200 mg% - เกิดอาการสับสน300 mg% - เกิดอาการง่วงซึม400 mg% - เกิดอาการสลบ และอาจถึงแก่ชีวิตได้9.2 พิษเรื้อรังแอลกอฮอล์มีพิษโดยตรงต่อสมอง ทำให้เซลล์สมองเสื่อม ในผู้ติดสุราพบว่ามีการฝ่อลีบของสมองส่วนคอร์เทกซ์ ซึ่งจะมีผลต่อการเสื่อมทางจิตด้วยหลายประการ เช่น ขาดความรับผิดชอบ ความจำเสื่อม เมื่อเป็นมากเกิดประสาทหลอน หูแว่ว หลงผิด หวาดระแวง คลุ้มคลั่ง และแอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดประสาท โดยกดศูนย์ควบคุมระบบต่าง ๆ เช่นกดศูนย์หายใจและศูนย์ควบคุมการไหลเวียนของโลหิตในสมอง ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

ที่มาhttp://www.pantown.com/board.php?id=15763&name=board2&topic=2&action=view
ผู้ทำ สุวรรณี วารินกุด

29 พฤศจิกายน 2551

Alcohol

โดยทั่วไปเราสามารถแบ่งแยก Alcohol ได้หลายชนิดหลายลักษณะ แต่ที่จะพูดถึงสำหรับให้ความรู้ที่ชาวบ้านๆ อย่างเราเข้าใจ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทครับ 1. Methyl Alcohol (Methanol) ไม่สามารถรับประทานได้ ทานแล้วสามารถตาบอดได้ 2. Ethyl Alcohol (Ethanol) สามารถดื่มรับประทานได้ สำหรับ Methyl Alcohol เราจะไม่พูดถึงกันนะครับ ที่เราจะพูดก็คือเจ้าเหล้า หรือ Ethyl Alcohol ที่ใครหลายคนนิยมบริโภค แม้แต่ตัวผมเองด้วยก็เถอะ Ethyl Alcohol หรือ Ethanol เป็นแอลกอฮอลล์ที่มีจำนวนคาร์บอนอะตอมในโครงสร้างอยู่สองอะตอม ประโยชน์ของมันมีมากหลายครับ ทั้งทำเป็นเหล้าให้เราดื่ม เป็นยาฆ่าเชื้อ เป็นตัวทำละลายในปฏิกริยาเคมีต่างๆ ใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซโซลีน ใช้ในการผลิตยา ใช้ในการผลิตเครื่องสำอางค์ เป็นต้น *ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ สำหรับประเทศไทยแล้ว การผลิตเหล้าสามารถทำได้ง่ายๆ ครับ ใครหลายคนที่เคยเรียน ชีวะ เรื่อง การหายใจก็คงจำได้(มั้ง) คือ Anaerobic Glycolysis หรือการหมักโดยใช้เชื้อจุลินทรีย์ โดยใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบซึ่งอาจเป็นน้ำตาลที่ได้จากพืชโดยตรง เช่น อ้อยหรือเป็นน้ำตาลที่ได้จากการย่อยแป้งหรือเซลลูโลส หลายคนอาจเคยเห็นในหนัง หรือในซีรีย์หลายเรื่อง ที่เขาใช้เหล้าอมเข้าปากแล้วพ่นฆ่าเชื้อ จริงๆแล้วเหล้านั้นสามารถนำมาทำเป็นยาฆ่าเชื้อได้ครับ แต่ย้ำว่าเหล้านั้นต้องมีความเข้มข้น 70% w/w (ร้อยละโดยน้ำหนัก) หลักการฆ่าเชื้อของมันก็คือ *ฆ่าเชื้อโดยการดึงน้ำออกจากเซลล์ คุณสมบัติด้านไฮโดรฟิลลิก (ชอบน้ำ) ทำให้มันแทรก lipid bilayer เข้าไปอยู่ระหว่าง cell membraneได้ และ -OH group ไปจับตัวกับโปรตีนตรง C=O ทำให้เกิด denature (ปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางโมเลกุล) ถ้าเข้มข้นมากๆ (เกิน 80%) การดูดน้ำจะเกิดขึ้นเร็วจนเซลล์ที่อยู่ด้านบนๆ จะกลายเป็นเกราะ ป้องกันไม่ให้แอลกอฮอล์ซึมลงด้านล่าง ลดคุณสมบัติในการทำลายเชื้อ แต่ถ้าน้อยกว่า 40% ปริมาณแอลกอฮอล์ก็น้อยเกินกว่าจะดูดน้ำจนฆ่าเชื้อได้ผล **เพิ่มเติม การคิดดีกรีของแอลกอฮอล์ ดีกรี หมายถึง หน่วยวัดความเข้มข้น คิดเป็น เปอร์เซนต์ของปริมาณแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในเครื่องดื่ม จะมีค่าเทียบเท่ากับหน่วย Gay-Lussac (GL) ซึ่งเราๆ ท่าน ๆ เคยอ่านข้างขวดที่เค้าเขียนไว้เช่น 43ดีกรี (= 43 GL = 43%) และแอลกอฮอล์ 1ซีซี จะเท่ากับน้ำหนัก 0.98 กรัม 43 % (43 ดีกรี,43GL) หมายความว่า เหล้า 100 ซีซี มีแอลกอฮอล์ 43 ซีซี ย่อมมี alcohol (0.98 x 43) = 42.14 กรัม ถ้าจะดื่มแอลกอฮอล์ ในระดับที่ปลอดภัยในเพศชาย ไม่ควรดื่มเกิน 30 กรัม/วัน คือ (100x30)/42.14 = 71.19 ซีซี / วัน เพศหญิงถ้าไม่เกิน 20 กรัม ก็ (100x20)/42.14 = 47.46 ซีซี / วัน ดังนั้น เราสามารถคำนวณแอลกอฮอล์ในระดับที่ปลอดภัย คือผู้ชาย ไม่เกิน 30 กรัม ผู้หญิงไม่เกิน 20 กรัม ในเหล้าทุกแบบ ทุกยี่ห้อ ที่ชอบตามความเข้มข้น ซึ่งมักจะเขียนไว้ข้างขวด

เหล้าเข้าปากแล้วจะเจออะไรบ้าง..? *สารพวกแอลกอฮอล์ เมื่อผ่านเข้าสู่ทางเดินอาหารแล้ว ที่แรกที่จะย่อยหรือสลายโมเลกุลของแอลกอฮอล์ไปใช้ ก็คือ กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก Ethanol จะถูกดูดซึมโดยวิธี passive diffusion (แพร่) ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ ได้โดยตรง จากนั้นethanolจะถูก metabolized โดยเส้นทางต่างๆ ดังนี้ 1. <5%>95% ของ ingested ethanol จะเข้าสู่ blood circulation (ระบบไหลเวียนเลือด), ซึ่ง ethanol ในกระแสเลือดนี้ 85-98% จะถูก metabolized ที่ตับ และที่เหลืออีก 2-10% จะถูกขับออกทางลมหายใจและปัสสาวะ Ethanol metabolism (ADH=alcohol dehydrogenase, ALDH=acetaldehyde dehydrogenase, ACS=acetyl-CoA synthetase) . ที่ตับ Ethanol ส่วนใหญ่จะถูกสลายเป็น acetaldehyde และ acetate โดยอาศัยเอนไซม์ alcohol dehydrogenase และ acetaldehyde dehydrogenase ตามลำดับ (ดังภาพแสดง major route of ethanol ด้านบน) หลังจากนั้น acetate จะถูกเปลี่ยนเป็น acetyl CoA ก่อนเข้า TCA cycle (ในskeletal muscle, heart, hepatocyte, และ tissue อื่นๆ) ต่อไป นอกจากนี้ Alcohol ยังถูก metabolized ที่ตับโดย enzyme cytochrome P450IIE1 (CYP2E1) อีกตัวหนึ่ง ซึ่งจะพบมากขึ้นในคนที่ดื่ม เรื้อรัง alcohol บางส่วนจะไม่ถูก metabolize และตรวจพบได้ทางลมหายใจ และปัสสาวะ

เหล้าทำให้เมาได้ยังไงหนอ..? เวลาแอลกอฮอล์ดื่มไปแล้วจะเข้าสู้กระแสเลือด (จากข้อ 2 หัวข้อด้านบน) ระบบไหลเวียนเลือดของร่างกายก็จะส่งเลือดที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงนี้ ไปยังสมองทำให้สมองสั่งการช้า และเกิดอาการข้างเคียงตามสเตปดังนี้ 1. Disinhibition of normal social functioning (excessive talking, showing off) - รั่ว แพล่ม พล่าม โม้ ฯลฯ 2. Loss of memory - ความจำเริ่มหาย จำอะไรไม่ค่อยได้ (เฮ้ย เมิงเป็นใครว่ะ!) 3. Confusion - เริ่มสับสนในชีวิต (ตูจะไปซ้ายหรือขวาดีเนี้ย..? แล้วตูจะไปไหนฟ่ะ..?) 4. Disorientation - เริ่มเหยิน เป๋ เหล่ เซมากรูเตะ 5. Movement not coordinated - เป๋ เหล่ เมาหัวราน้ำ สมองสั่งให้ทำอะไร ร่างกายไม่ยอมทำตาม 6. Progressive lethargy - เฉื่อย ชา อยู่นิ่ง ๆ หลับเป็นตาย อาการหนัก ๆ ที่ต้องส่งโรงหมอ 7. Coma (เริ่มชัก กรุณาอย่าคิดลึก ไอที่คิดลึก เมาแล้วไม่ต้องชัก มัน In-Out ตาม tempo ของมันเอง) - ไม่รู้จะบรรยายไงดี 8. Ultimately the shutdown of the respiratory centers - ปิดเครื่อง ชัทดาวน์ระบบหายใจแล้วก็ หงายไปในที่สุด!!! *เสริมนิดนึง ที่เราดื่มเหล้าแล้วปวดฉี่บ่อยก็เพราะว่า แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดนี่แหละครับ มันส่งไปที่สมองส่วนท้าย ไปกระตุ้นไฮโพทลามัสไม่ให้หลั่ง Antidiuretic hormone (ADH) ทำให้ร่างกายไม่สามารถสงวนน้ำไว้ใช้ได้ เลยต้องไปปล่อยออกลูกเดียว

เหล้าทำให้ตับแข็งได้ไงอ่ะ..? อวัยวะบางอย่างของร่างกายยิ่งแข็งยิ่งดีนะครับ เช่น กระดูก เป็นต้น แต่ถ้าตับแข็งแล้วก็ ไม่ดีเอามาก ๆ เลยนะครับ มักเกิดจากผู้ป่วยที่ดื่มมานาน ๆ และมาก ๆ คือปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มมากกว่า 80 กรัมต่อวัน (คิดเป็นปริมาณเหล้า 43 ดีกรี 232 ซีซี ต่อวัน ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นก็สามารถคำนวณได้จากสูตรข้างต้นนะครับ) และระยะเวลาที่ดื่มนานกว่า 5-8 ปี ตับเป็นอวัยวะที่ใช้ทำลายสารพิษจากอวัยวะหรือเซลล์ต่างๆ สารพิษแทบทุกชนิดจะถูกทำลายที่ตับ แอลกอฮอล์ก็เช่นกัน ตับจะมีเซลล์ที่ทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคคล้าย Macrophage คือ Kupffer cell ซึ่งเจ้า Kupffer cell นี้สร้างที่ตับ ยิ่งมีปริมาณสารพิษ (แอลกอฮอล์) ในตับมาก ตับก็ต้องสร้างเซลล์เหล่านี้มากำจัดเชื้อโรค เทียบง่ายๆ คือ ให้ตับเป็นฮาร์ดแวร์อย่างหนึ่ง คุณดื่มแอลกอฮอล์ไปโอเวอร์คล็อกมัน มันก็พังเร็วยิ่งขึ้น เมื่อเซลล์ตับตายลง ๆ เรื่อยๆ ตับก็จะเริ่มแข็ง เกิดแผลที่ตับ การเป็นผังผืดมาแทนที่ แม้ว่าตับจะสามารถสร้างเซลล์ขึ้นทดแทนได้บางส่วน ก็ไม่สามารถทดแทนเซลล์เก่าได้ ทำให้ตับทำงานผิดปรกติ ทำงานน้อยลง และเซลล์ที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ อาจจะกลายเป็นมะเร็งต่อไปได้อาการแสดงก็คล้ายกับโรคตับอักเสบ จากแอลกอฮอล์แต่มักไม่มีไข้ (ยกเว้นติดเชื้อแทรกซ้อน) อาจจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มือแดงมาก ลูกอัณฑะฝ่อ ต่อมน้ำลายโต จากฮอร์โมน ผิดปรกติ เมื่อเป็นโรคนี้แล้วอัตราการตายจะสูงสุดช่วง 1 ปีแรก ตายเร็วหรือช้าขึ้นกับ - ผู้ป่วยสามารถหยุดดื่มแอลกอฮอล์ได้หรือไม่ ถ้าหยุดดื่มได้ โอกาสรอดก็สูง - ถ้ามีอาการแทรกซ้อนมาก โอกาสจะเสียชีวิตมีสูง เช่น ท้องมาก เลือดออกผิดปรกติ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน แม้ไม่อ่าน แค่คุรคิดถึง เราก็พึงดีใจแล้วครับ เห็นเป็นประโยชน์ต่อชาว SS ทุกคน ยังไงก็อย่าดื่มเกิน 232 cc ต่อวัน

โดย ชุติมา

ที่มา http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?p=1813648&highlight=&sid=516dc11d198d1e1cb45a6eda8c28c22b‏

ดื่มเหล้าอย่างไร ให้ห่างไกลโรคร้าย

ดื่มเหล้าอย่างไร ให้ห่างไกลโรคร้าย
ปัจจุบันไม่ว่าเทศกาลรื่นเริงหรือโศกเศร้า มักจะมีเหล้าอยู่ในงานเหล่านั้นเสมอ
เรียกได้ว่ากลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนไทยไปเสียแล้ว การดื่มเหล้าในปริมาณเล็กน้อย
จะทำให้ครึ้มอกครึ้มใจ สนุกครื้นเครงได้ แต่หากดื่มจนควบคุมสติไม่ได้ จะทำให้ส่งผลเสียต่อ
ตนเองและบางทีทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนด้วย
จากการศึกษา พบว่าโทษของการดื่มแอลกอฮอล์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะทำให้เกิด
การสะสมในร่างกายทำให้อวัยวะสำคัญต่างๆ เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว เช่น สมองจะถูกทำลาย
ความจำเสื่อม สมองฝ่อ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ทารกในครรภ์มารดาพิการ หลอดเลือดหัวใจตีบ
กระเพาะอาหารและลำไส้เกิดการอักเสบ ตับถูกทำลายทำให้ตับแข็ง และตามมาด้วยอาการดีซ่าน
หรือตัวเหลืองตาเหลือง ท้องมาน เป็นต้น
นอกจากนี้การดื่มสุราติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ทำให้ร่างกายขาดวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย
หลายชนิด โดยเฉพาะวิตามิน บี ซึ่งจำเป็นต่อการบำรุงระบบประสาทและรักษาสมดุลการเผาผลาญใน
ร่างกาย การดื่มสุราจะไปลดความอยากรับประทานอาหาร ทำให้รับประทานได้น้อยลง ส่งผลให้ร่างกาย
มีโอกาสขาดสารอาหารสูงกว่าคนปกติ นอกจากนั้น แอลกอฮอล์ยังไปเพิ่มการใช้วิตามิน บีในร่างกายเพื่อการ
เผาผลาญ ขณะเดียวกันก็ไปลดการดูดซึมวิตามินบีเข้าสู่ร่างกายด้วย ดังนั้นผู้ที่ดื่มเหล้าเป็นประจำมีโอกาส
ขาดวิตามิน บี สูงมาก อาการที่แสดงให้เห็น ได้แก่ อาการเหน็บชา สมองไม่ปลอดโปร่ง ความคิดและการตอบ
สนองช้าลง และเมาค้างในตอนเช้า
ผู้ที่ดื่มเหล้าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับประทาน วิตามิน บี เสริมในปริมาณสูง
ผลกระทบของพิษแอลกอฮอล์ที่มีต่อตับสามารถแบ่งได้ 3 ระยะ คือ
1. ภาวะไขมันสะสมในตับ เป็นระยะแรกของการเกิดปัญหากับตับจากการดื่มแอลลกอฮอล์ โดยเป็น
การสะสมของไตรกลีเซอร์ไรด์ ซึ่งระยะนี้ยังไม่แสดงอาการใดๆ
2. ตับอักเสบ เริ่มมีอาการจุกแน่นบริเวณชายโครงขวา ตัวเหลือง ไข้สูงตลอดจนตับวายได้ และมีอาการ
ทางสมอง คือสับสนวุ่นวาย หรือหมดสติ
3. ตับแข็ง เป็นระยะสุดท้าย ที่พบว่าจะมีพังผืดเกิดขึ้นในเนื้อตับ ผู้ป่วยจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง
ท้องมานหรือมีน้ำคั่งในช่องท้อง หรืออาเจียนเป็นเลือดสดๆ
ผู้ที่ดื่มเหล้าจำเป็นต้องรับประทานวิตามิน บีเสริมแล้ว ควรจะรับประทานเสริมสารสกัดธรรมชาติที่
ช่วยฟื้นฟูสภาพเซลล์ตับให้ดีขึ้น และเพิ่มปริสิทธิภาพการกำจัดสารพิษ และการเผาผลาญของตับ อีกด้วย ได้แก่
- รากของสมุนไพรแดนดิเลียน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับ ทำให้ตับหลั่งน้ำดีมาย่อยอาหาร
ประเภทไขมันได้ดีขึ้น และช่วยลดผลข้างเคียงจากยาที่ถูกทำลายที่ตับ ป้องกันความบกพร่องของระบบการทำงาน
ของตับ
- เมทไธโอนีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จับกับโลหะหนักที่เป็นพิษต่อตับได้ ช่วยชะลอการเสื่อมของเนื้อตับ
และยังมีส่วนในการสังเคราะห์โปรตีนและสารที่จำเป็นต่อขบวนการขจัดพิษที่ตับ เช่น กลูตาไธโอน
- ซิลิเนียม เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ไปจับกับสารพิษต่างๆโดยเฉพาะโลหะหนัก และยังเพิ่มประสิทธิภาพ
การทำงานของเอนไซม์ขจัดสารพิษของตับ ช่วยลดความรุนแรงของปฏิกิริยาที่ก่อให้เกิดพิษต่อตับได้
- น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล ประกอบด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นหลายชนิดในการเผาผลาญอาหาร
ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะอาหารประเภทไขมัน และช่วยปรับสมดุลกรดด่างในลำไส้ ลดปัญหา
อาหารไม่ย่อย ท้องอืดจึงช่วยลดภาวะการติดเชื้อในลำไส้ได้
- เลซิติน เป็นสารสกัดจากถั่วเหลือง จะมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับ เนื่องจากสารสำคัญใน
เลซิตินที่ชื่อว่า ฟอสฟาติดิลโคลีน จะเป็นสารตั้งต้นที่ร่างกายสามารถสร้างเองได้รับสารเคมี สารพิษ ยา และแอลกอฮอล์
รวมทั้งฟอสฟาติดิลโคลีนในเลซิติน จะช่วยซ่อมแซมและลดการทำลายเซลล์ตับ จึงช่วยป้องกันปัญหาที่จะเกิดกับตับจาก
การดื่มแออกอฮอล์ได้ ดังนั้นการได้รับเลซิตินที่เพียงพอจะมีส่วนช่วยให้การทำงานของตับเป็นไปอย่างปกติ ควรรับประทาน
เลซิตินในปริมาณ 1,200 - 3,600 มิลลิกรัม/วัน

ในทางการแพทย์ แนะนำว่าหากท่านชอบดื่มเหล้า ไม่ควรเกิน 2 - 3 ฝาต่วัน ท่านที่ชอบดื่มเบียร์ก็ไม่ควรเกินวันละ
1 กระป๋อง และสำหรับท่านที่ชอบดื่มไวน์ ควรดื่มเพียงวันละ 1 แก้ว

ที่มา http://creamacne.weloveshopping.com/shop/show_article.php?shopid=18149&qid=37494‏

วิธีแก้ไข

เทคนิค บอกลา เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์
ข้อแรก ให้ลองเขียนเหตุผลว่าทำไมจึงควรหยุดดื่มเหล้า อาจขอความช่วยเหลือจากคนในครอบครัว หรือเพื่อนสนิท ลิสต์รายการเหล่านี้จะช่วยเตือนสติยามที่ความตั้งใจของคุณอ่อนลง
ข้อสอง เป็นการลงมือทำความตั้งใจ โดยกำหนดวันที่จะเริ่มหยุดดื่ม เขียนวันที่ตั้งใจจะเริ่มหยุดดื่มใส่กระดาษแปะไว้ที่ตู้เย็น หรือกระจกในห้องน้ำ หรือที่ใดก็ตามที่เห็นได้บ่อย ถัดมา ให้บอกความตั้งใจของคุณให้คนอื่นรับรู้ด้วย เช่น บอกคนในครอบครัว หรือเพื่อน ๆ และบอกพวกเขาว่าเขาจะช่วยให้คุณทำตามความตั้งใจให้สำเร็จได้อย่างไร ข้อสี่ ระหว่างที่หยุดดื่มนั้นให้หันมาดูลิสต์ รายการเหตุผลที่เขียนไว้ในข้อแรกบ่อยๆ และถ้าได้ พบประโยชน์เพิ่มก็ให้เขียนเพิ่มลงได้ ข้อห้า หากพลาดพลั้งเผลอกลับไปดื่มในระหว่างที่ตั้งใจงด ก็ให้ถือเป็นประสบการณ์เพื่อเรียนรู้และเริ่มต้นใหม่ด้วยความตั้งใจที่มากกว่าเดิม ข้อหก หลังประสบความสำเร็จในการหยุดดื่มในช่วงเวลาที่ตั้งใจไว้ จงทำมันอีกครั้ง โดยต่อเวลาออกไปอีก อาจลองหยุดอีก 3 เดือน เมื่อทำไปเรื่อยๆ มันก็จะกลายเป็นความเคยชิน ข้อเจ็ด หากความตั้งใจหยุดดื่มนั้นไม่สำเร็จอาจลองปรึกษาแพทย์เพื่อให้ช่วยคุณอีกทางหนึ่ง ข้อแปด อีกวิธีที่อาจช่วยได้คือหลีกเลี่ยงสิ่งใดก็ตามที่จะทำลายความตั้งใจของคุณ นั่นหมายถึงว่าอาจต้องเปลี่ยนชีวิตที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ คบเพื่อนใหม่ ใช้ชีวิตแบบใหม่ที่ต่างไปโดยสิ้นเชิง ข้อเก้า เล็งเป้าหมายของคุณให้แม่นๆ และคุณจะประสบความสำเร็จในที่สุด.

ที่มา http://www.showded.com/myprofile/mainblog.php?user=phuengnoi&jnId=59367
ผู้ทำ กัญชาลิชา